Wednesday, 14 December 2016
อนาคตของงานที่จะตกงาน/ อรุณ อัครปรีดี
อนาคตของงานที่จะตกงาน/ อรุณ อัครปรีดี
1. อาชีพมนุษย์โรงงาน จะมีการใช้เครื่องจักรแทนมนุษย์มากขึ้น ลองคิดดูเล่นๆ นะ ค่าแรงวันละ 300-500฿ โรงงานไหนใช้แรงงานคน 1,000 คน ต้องมีต้นทุนวันละ 3-5 แสนบาท หรือเดือนละ 10-15 ล้านบาท ไหนจะโบนัสปลายปี ไหนกองทุนจ่ายประกันสังคม ไหนจะค่าชดเชยและสวัสดิการต่างๆ ถ้าค่าเครื่องจักรราคา 500 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 30-50 เดือนหรือ 3-5 ปีก็คืนทุน ที่เหลือกำไรล้วนๆ
2. อาชีพนักการธนาคารและพนักงานธนาคาร จะถูกแทนที่ด้วย internet banking ตอนนี้เริ่มจะเห็นธนาคารสาขาตามห้องแถวทยอยปิดตัวลง เพื่อไปโฟกัสสาขาตามห้างสรรพสินค้าหรือ community mall เพราะตอบโจทย์ผู้คนยุคนี้ ที่สะดวกใช้บริการธนาคารนอกเวลาทำงานช่วงเย็นหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์มากกว่า ซึ่งธนาคารตามตึกแถว บ่าย 3 ครึ่งก็ปิดแล้ว ทำให้อาชีพนักการธนาคารและพนักงานธนาคารต้องมาขายประกันชีวิตและสุขภาพแทน และอนาคตถ้าทุกคนติดต่อกับธนาคารด้วยระบบแอพลิเคชั่นในสมาร์ตโฟน ก็ยิ่งทำให้พนักงานธนาคารถูกลดอัตรากำลังลง
3. ร้านขายหนังสือและให้เช่าหนังสือ ที่ผ่านมาเริ่มเห็นแล้วว่าร้านหนังสือถูกแทนที่ด้วยร้านสะดวกซื้อ คนซื้อน้อยลงเพราะซื้อผ่านสำนักพิมพ์ที่ได้ในราคาถูกกว่าและมีความนิยม E book มากขึ้น เพราะมนุษย์ยุคนี้ขี้เกียจหอบหนังสือและชอบดูอะไรต่อมิอะไรผ่านหน้าจอสว่างๆ มากขึ้น
4. เด็กเสิร์ฟและพนักงานเก็บเงิน เราเริ่มเห็นท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ตบางสาขา ให้ลูกค้าสแกนบาร์โค๊ดจ่ายชำระสินค้าเอง และอีกหน่อย ร้านอาหารจานด่วน ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว จะมีตู้หยอดเหรียญ ซึ่งเป็นทั้งแคชเชียร์และพนักงานรับออเดอร์ไปในตัว ลูกค้าจะนำสลิปที่ออกจากตู้ที่หยอดค่าอาหารแล้วไปให้แม่ครัวพ่อครัวทำอาหารให้ มาแน่ๆ ถ้าค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไป 500฿/8 ชั่วโมง เพราะต้นทุนเครื่องพวกนี้ไม่กี่แสนบาท แต่สามารถลดค่าจ้างคนได้ 3-5 คนเลยทีเดียว (แคชเชียร์และเด็กเสิร์ฟ) เหมือนประหยัดไปเดือนละ 60,000฿ เลยนะ ไม่ถึงปีก็คุ้มแล้วสำหรับเครื่องนี้
5. รถแท็กซี่ เนื่องจากกรุงเทพอีก 10 ปีถัดจากนี้จะมีเครือข่ายคมนาคมเสร็จพร้อมกันและบริการแบบจัดเต็มจนทำให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้น แน่นอนว่าค่าแท็กซี่ปีนั้นอาจจะสตาร์ทที่ 100฿ เพราะค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นทุกปี ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวชามละ 35-45฿ แล้ว ขึ้นมาตอนไหนน่ะ กินชามละ 30฿ อยู่หลัดๆ
6. นายหน้าคนกลาง ทั้งประกันวินาศภัย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ หรือทั้งนายหน้าขายสินค้าต่างๆ จะมีบริษัทออนไลน์สื่อกลางระหว่างลูกค้ากับบริษัทเจ้าของโดยตรง เพราะสื่อกลางออนไลน์ต้นทุนน้อยกว่าแต่ผลลัพธ์ดีกว่า ตอนนี้คนอายุ 50-70 ปียังเล่นมือถือไม่เป็นหลายคน แต่อีก 20 ปีถัดจากนี้ คนที่กำลังมีอายุ 30-50 ปีตอนนี้จะอายุ 50-70 ปี จะเล่นมือถือเป็นทุกคน การซื้อสินค้าจะตรงไปที่ผู้ผลิตเลย พวกยี่ปั๊วะหรือนายหน้าเตรียมตกงาน
7. ธุรกิจเกี่ยวกับเด็กๆ การสอนพิเศษและโรงเรียนหรือวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชนคุณภาพต่ำ จะได้รับผลกระทบตรงๆ เพราะอัตราการเกิดน้อยลงเยอะมากในช่วง 5 ปีมานี้ ซึ่งอีก 10-15 ปีถัดจากนี้ เด็กรุ่นนี้จะมีอายุ 15-20 ปี ปริมาณเด็กน้อยลง แต่ที่เรียนที่เล่นรองรับได้มากกว่า ก็ย่อมต้องเจ๊งและปิดตัวเป็นธรรมดา นับว่าถ้าไม่ดีจริงก็ไปไม่รอดแน่นอน
8. สายการบินราคาแพง และรถทัวร์ราคาแพง เพราะถูกบริษัทสายการบินราคาประหยัดที่จัดหาเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ประหยัดน้ำมันกว่า ลดต้นทุนได้มากกว่า ใช้พนักงานบนเครื่องบินได้คุ้มมาก เพราะจำกัดสวัสดิการบางอย่าง รถทัวร์ก็เช่นกัน บางทีต้นทุนและความนิยม อาจทำให้ราคาตั๋วดูไม่ได้แตกต่างกันมาก
9. ธุรกิจด้านน้ำมันเชื้อเพลิง อาจจะหมดยุคพลังงานจากใต้พื้นดินแล้วก็ได้ เพราะมีพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจหลายๆ อย่าง มดงานในธุรกิจเหล่านี้อาจจะโยกไปยังการผลิตพลังงานทางเลือกแทน แน่นอนว่า การแข่งขันคงเยอะมาก เพราะพลังงานทางเลือกมักใช้คนดูแลไม่ต้องเยอะและอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้...งานที่มั่นคง ไม่ได้บอกว่าตนเองจะมั่นคงแบบงานที่ทำ ถ้ามีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาปรับเปลี่ยนโลก การดิ้นรนค้นหางานใหม่ตอนที่อายุ 40-50 ปีแล้ว มันก็ไม่ง่ายที่จะต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพื่อหางานใหม่ ทำงานหลายงาน มี 2-3 อาชีพ ดีกว่ามีแค่อาชีพเดียว เพราะถ้าวันนึงหลอดไฟดวงนั้นดับไป ห้องทั้งห้องก็จะมืดมิด แต่ถ้าวันนี้มีตัวเลือกหลายๆ อาชีพ หากไฟดับไปหลอดสองหลอด ก็ยังมีหลอดไฟหลอดอื่นที่สามารถส่องแสงสว่างให้ ศักยภาพมีอีกเยอะ อยากทำอะไรทำเลย ศึกษาให้เยอะๆ แล้วลุยเลย
*********** คนหนุ่มสาวยุคนี้ต้องมีทักษะที่จะทำให้อยู่รอดในศตวรรษที่ ๒๑ ได้ และอาจต้องมีหลายทักษะด้วยซ้ำ ผม(สุวินัย) คิดว่าโลกทั้งใบกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่สังคมกับเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากการ "ถอดรื้อ" ของเก่าด้วย Digital Disruption ผมคิดว่ายุทธศาสตร์ประเทศหลังจากนี้ควรวางอยู่บนแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่ปรับตัวเข้ากับ Digital Disruption ได้อย่างยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศไทยด้วย
พรรคประชาชนปฏิรูปที่พวกเราเตรียมจะก่อตั้งขึ้นขออาสาแบกรับการผลักดันยุทธศาสตร์และแนวทางที่ว่าหลังจากนี้ สุวินัย ภรณวลัย
1. อาชีพมนุษย์โรงงาน จะมีการใช้เครื่องจักรแทนมนุษย์มากขึ้น ลองคิดดูเล่นๆ นะ ค่าแรงวันละ 300-500฿ โรงงานไหนใช้แรงงานคน 1,000 คน ต้องมีต้นทุนวันละ 3-5 แสนบาท หรือเดือนละ 10-15 ล้านบาท ไหนจะโบนัสปลายปี ไหนกองทุนจ่ายประกันสังคม ไหนจะค่าชดเชยและสวัสดิการต่างๆ ถ้าค่าเครื่องจักรราคา 500 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 30-50 เดือนหรือ 3-5 ปีก็คืนทุน ที่เหลือกำไรล้วนๆ
2. อาชีพนักการธนาคารและพนักงานธนาคาร จะถูกแทนที่ด้วย internet banking ตอนนี้เริ่มจะเห็นธนาคารสาขาตามห้องแถวทยอยปิดตัวลง เพื่อไปโฟกัสสาขาตามห้างสรรพสินค้าหรือ community mall เพราะตอบโจทย์ผู้คนยุคนี้ ที่สะดวกใช้บริการธนาคารนอกเวลาทำงานช่วงเย็นหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์มากกว่า ซึ่งธนาคารตามตึกแถว บ่าย 3 ครึ่งก็ปิดแล้ว ทำให้อาชีพนักการธนาคารและพนักงานธนาคารต้องมาขายประกันชีวิตและสุขภาพแทน และอนาคตถ้าทุกคนติดต่อกับธนาคารด้วยระบบแอพลิเคชั่นในสมาร์ตโฟน ก็ยิ่งทำให้พนักงานธนาคารถูกลดอัตรากำลังลง
3. ร้านขายหนังสือและให้เช่าหนังสือ ที่ผ่านมาเริ่มเห็นแล้วว่าร้านหนังสือถูกแทนที่ด้วยร้านสะดวกซื้อ คนซื้อน้อยลงเพราะซื้อผ่านสำนักพิมพ์ที่ได้ในราคาถูกกว่าและมีความนิยม E book มากขึ้น เพราะมนุษย์ยุคนี้ขี้เกียจหอบหนังสือและชอบดูอะไรต่อมิอะไรผ่านหน้าจอสว่างๆ มากขึ้น
4. เด็กเสิร์ฟและพนักงานเก็บเงิน เราเริ่มเห็นท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ตบางสาขา ให้ลูกค้าสแกนบาร์โค๊ดจ่ายชำระสินค้าเอง และอีกหน่อย ร้านอาหารจานด่วน ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว จะมีตู้หยอดเหรียญ ซึ่งเป็นทั้งแคชเชียร์และพนักงานรับออเดอร์ไปในตัว ลูกค้าจะนำสลิปที่ออกจากตู้ที่หยอดค่าอาหารแล้วไปให้แม่ครัวพ่อครัวทำอาหารให้ มาแน่ๆ ถ้าค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไป 500฿/8 ชั่วโมง เพราะต้นทุนเครื่องพวกนี้ไม่กี่แสนบาท แต่สามารถลดค่าจ้างคนได้ 3-5 คนเลยทีเดียว (แคชเชียร์และเด็กเสิร์ฟ) เหมือนประหยัดไปเดือนละ 60,000฿ เลยนะ ไม่ถึงปีก็คุ้มแล้วสำหรับเครื่องนี้
5. รถแท็กซี่ เนื่องจากกรุงเทพอีก 10 ปีถัดจากนี้จะมีเครือข่ายคมนาคมเสร็จพร้อมกันและบริการแบบจัดเต็มจนทำให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้น แน่นอนว่าค่าแท็กซี่ปีนั้นอาจจะสตาร์ทที่ 100฿ เพราะค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นทุกปี ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวชามละ 35-45฿ แล้ว ขึ้นมาตอนไหนน่ะ กินชามละ 30฿ อยู่หลัดๆ
6. นายหน้าคนกลาง ทั้งประกันวินาศภัย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ หรือทั้งนายหน้าขายสินค้าต่างๆ จะมีบริษัทออนไลน์สื่อกลางระหว่างลูกค้ากับบริษัทเจ้าของโดยตรง เพราะสื่อกลางออนไลน์ต้นทุนน้อยกว่าแต่ผลลัพธ์ดีกว่า ตอนนี้คนอายุ 50-70 ปียังเล่นมือถือไม่เป็นหลายคน แต่อีก 20 ปีถัดจากนี้ คนที่กำลังมีอายุ 30-50 ปีตอนนี้จะอายุ 50-70 ปี จะเล่นมือถือเป็นทุกคน การซื้อสินค้าจะตรงไปที่ผู้ผลิตเลย พวกยี่ปั๊วะหรือนายหน้าเตรียมตกงาน
7. ธุรกิจเกี่ยวกับเด็กๆ การสอนพิเศษและโรงเรียนหรือวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชนคุณภาพต่ำ จะได้รับผลกระทบตรงๆ เพราะอัตราการเกิดน้อยลงเยอะมากในช่วง 5 ปีมานี้ ซึ่งอีก 10-15 ปีถัดจากนี้ เด็กรุ่นนี้จะมีอายุ 15-20 ปี ปริมาณเด็กน้อยลง แต่ที่เรียนที่เล่นรองรับได้มากกว่า ก็ย่อมต้องเจ๊งและปิดตัวเป็นธรรมดา นับว่าถ้าไม่ดีจริงก็ไปไม่รอดแน่นอน
8. สายการบินราคาแพง และรถทัวร์ราคาแพง เพราะถูกบริษัทสายการบินราคาประหยัดที่จัดหาเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ประหยัดน้ำมันกว่า ลดต้นทุนได้มากกว่า ใช้พนักงานบนเครื่องบินได้คุ้มมาก เพราะจำกัดสวัสดิการบางอย่าง รถทัวร์ก็เช่นกัน บางทีต้นทุนและความนิยม อาจทำให้ราคาตั๋วดูไม่ได้แตกต่างกันมาก
9. ธุรกิจด้านน้ำมันเชื้อเพลิง อาจจะหมดยุคพลังงานจากใต้พื้นดินแล้วก็ได้ เพราะมีพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจหลายๆ อย่าง มดงานในธุรกิจเหล่านี้อาจจะโยกไปยังการผลิตพลังงานทางเลือกแทน แน่นอนว่า การแข่งขันคงเยอะมาก เพราะพลังงานทางเลือกมักใช้คนดูแลไม่ต้องเยอะและอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้...งานที่มั่นคง ไม่ได้บอกว่าตนเองจะมั่นคงแบบงานที่ทำ ถ้ามีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาปรับเปลี่ยนโลก การดิ้นรนค้นหางานใหม่ตอนที่อายุ 40-50 ปีแล้ว มันก็ไม่ง่ายที่จะต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพื่อหางานใหม่ ทำงานหลายงาน มี 2-3 อาชีพ ดีกว่ามีแค่อาชีพเดียว เพราะถ้าวันนึงหลอดไฟดวงนั้นดับไป ห้องทั้งห้องก็จะมืดมิด แต่ถ้าวันนี้มีตัวเลือกหลายๆ อาชีพ หากไฟดับไปหลอดสองหลอด ก็ยังมีหลอดไฟหลอดอื่นที่สามารถส่องแสงสว่างให้ ศักยภาพมีอีกเยอะ อยากทำอะไรทำเลย ศึกษาให้เยอะๆ แล้วลุยเลย
*********** คนหนุ่มสาวยุคนี้ต้องมีทักษะที่จะทำให้อยู่รอดในศตวรรษที่ ๒๑ ได้ และอาจต้องมีหลายทักษะด้วยซ้ำ ผม(สุวินัย) คิดว่าโลกทั้งใบกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่สังคมกับเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากการ "ถอดรื้อ" ของเก่าด้วย Digital Disruption ผมคิดว่ายุทธศาสตร์ประเทศหลังจากนี้ควรวางอยู่บนแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่ปรับตัวเข้ากับ Digital Disruption ได้อย่างยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศไทยด้วย
พรรคประชาชนปฏิรูปที่พวกเราเตรียมจะก่อตั้งขึ้นขออาสาแบกรับการผลักดันยุทธศาสตร์และแนวทางที่ว่าหลังจากนี้ สุวินัย ภรณวลัย
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment