มิติที่ 0: จุดไม่มีระยะ
มิติที่ 1: เส้นจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง
มิติที่ 2: เส้นสองเส้นตัดกัน
มิติที่ 3: เส้นสองเส้นที่อยู่บนกระดาษแล้วพับ เหมือนเราบนโลกมีความกว้าง ยาว สูง
มิติที่ 4: คือเวลา ไอน์สไตน์ E=Mc2 ทฤษฎีสัมพันธภาพ วัตถุยิ่งเคลื่อนที่เร็วเท่าไหร่ เวลายิ่งเดินช้าลงเท่านั้น จากเด็กไปแก่ เวลาเป็นเส้นตรง การเดินทางของเวลา จากอดีตมาปัจจุบัน
มิติที่ 5: เส้นที่ตัดในมิติที่ 4 หรือโอกาส ความฝัน ความรัก ความต้องการ คนที่ตายไปแล้วเรายังรักเขาอยู่
แสดงว่า ความรัก อยู่เหนือมิติที่ 5
Christopher Nolan มาไกล เลยมึงใน #Interstellar
E=Mc2 - รูหนอน wormhole - หลุมดำ black hole - รหัสมอร์ส Morse code
เวลาไปดู จับประเด็นเรื่อง "ความรัก" อย่างเดียวพอ
อย่าไปแตะต้องเรื่อง "มิติ" จะพา "โง่" เอา
เพราะ Christopher Nolan แม่งไม่สน "หนังของกูคนดูไม่เกี่ยว"
ดนตรีประกอบโคตรเจ๋ง ตามสไตล์ Nolan ใช้โน๊ตไม่กี่ตัว แต่อลังการโคตร มีถึง Oscars
หนังเหมือนภาคต่อ 2001: A Space Odyssey ของ Stanley Kubrick
ความสวยของ Anne Hathaway ช่วยลดความเครียดในการดูหนังไปได้เยอะ
การใช้ระบบการถ่าย IMAX 70 mm. ดูธรรมดาๆ 4K Analog เพราะมวลมหาประชาชน ติด Digital Look ไปเรียบร้อยแล้ว
Christopher Nolan ไม่ใช้ Green Screen เลยทั้งเรื่อง เน้นถ่าย Set และ On Location จริงทั้งเรื่อง
ดูแล้ว คิดถึงในหัวสมองของ Albert Einstein น่าจะกินยา "พารา" เยอะโน๊ะ ปวดกระบาลน่าดู จินตนาการ สำคัญ กว่า ความรู้สินะ 555555+ #AumSkyExits
No comments:
Post a Comment