The Gods Must Be Crazy in 2022 : ตลกร้ายภาคเหรียญคริปโต
////
ในหนังตลกเรื่อง "The Gods Must Be Crazy" (1980) เป็นหนังล้อเลียนชาวป่าบุชแมน ที่อยู่ดีๆก็มีขวดน้ำอัดลมเปล่าใบหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า
ตอนแรกชาวป่าบุชแมนเชื่อว่าวัตถุประหลาดชิ้นนี้มันเป็น "ของวิเศษ" ที่พระเจ้าประทานมาให้พวกเขา
หลังจากนั้นไม่นานวัตถุประหลาดชิ้นนี้ได้กลายเป็นสิ่งกำหนดพฤติกรรมและเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกชาวป่าบุชแมนไปโดยไม่รู้ตัว จนทำให้แผ่นดินของชาวป่าบุชแมนไม่มีความสงบสุขเหมือนเช่นเดิมอีกต่อไป
คนที่มีปัญญาที่สุดในหมู่ชาวป่าบุชแมนเริ่มมองเห็น "ของวิเศษ" ชิ้นนี้ เป็น "วัตถุชั่วร้าย" และเอามันไปฝังดิน
แต่สุดท้ายก็มี "เด็กรุ่นใหม่" ไปพบมันเข้า และนำวัตถุประหลาดนี้กลับหมู่บ้านชาวป่าบุชแมนอีกครั้ง และทำให้แผ่นดินของชาวป่าบุชแมนวุ่นวายอีกครั้ง
.....
ที่ผ่านมาคนรุ่นใหม่ทั่วโลกที่เปิดรับเหรียญคริปโตเข้ามาในชีวิต ล้วนมีความเชื่อร่วมกันว่า เหรียญคริปโต คือ "ของขวัญจากฟ้า" ที่สามารถพลิกชีวิตตัวเองให้กลายเป็นคนรวยในช่วงเวลาสั้นๆได้ โดยแค่ "แห่เข้าไป" ซื้อเหรียญคริปโต ... จากนั้นแค่รอให้มันราคาพุ่งขึ้นอย่างกับติดจรวด แล้วค่อยเทขายทำกำไรจำนวนมหาศาล
ตำนานความเชื่อเรื่องปาฏิหารย์ของเหรียญคริปโต เป็น "เรื่องเล่า" (story) ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างแนบเนียน โดยเขียนบทให้สอดคล้องกับบริบทของยุคสมัยด้วยการใช้ชุดศัพท์ภาษาที่แปลกหูสำหรับคนทั่วไป เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ผู้คนทั่วโลดจะได้หลงเชื่อและแห่เข้าไปเล่น "เกมการเงินแห่งเหรียญคริปโต" นี้
.....
ถ้าใครที่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ฟองสบู่ จะทราบเป็นอย่างดีว่า Story แบบนี้มันเคยเกิดกับดอกทิวลิปที่เรียกว่า "เหตุการณ์คลั่งทิวลิป" (Tulip mania) มาก่อนเมื่อปี ค.ศ. 1634 ก่อนที่จะล่มสลายในปี ค.ศ. 1637
ในช่วงนั้นชาวดัตช์ที่คลั่งทิวลิป ย่อมไม่ต่างอะไรกับชาวป่าบุชแมนที่คลั่งขวดน้ำอัดลมเปล่า เพราะคิดว่าเป็น "ของขวัญจากฟ้า" ... แต่นี่คือเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงๆ มิใช่หนังตลกปี 1980 ที่สร้างขึ้นเพื่อล้อเลียนชาวป่าบุชแมน
ผ่านไปเกือบสี่ร้อยปี เหตุการณ์ "คลั่งคริปโต" ที่เหมือนรีเมค "เหตุการณ์คลั่งทิวลิป" ก็เกิดขึ้นมาอีกราวกับเป็นเรื่องตลกร้ายที่ "พระเจ้า" กำลังหยอกเย้าพวกมนุษย์ยุคนี้ ... ที่ยังคงโง่เขลาและไร้สติอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ภายใต้เปลือกกระพี้แห่ง"ความรู้" ที่ "แดกด่วน" จากโลกออนไลน์ จนหลงตัวเอง เพิ่มพูนอีโก้หรืออัตตาตนเองว่า "กูแน่" และ "กูเก่งกว่า" ... คนรุ่นก่อนที่เป็นพวกไดโนเสาร์ไม่ทันโลกใหม่
มันมีกับดักหลุมพรางดักรออยู่ ...
(1) พวกคุณไม่ได้รู้จริง ! พวกคุณแค่จำขี้ปากคนอื่นมาเล่าซ้ำเป็นทอดๆเท่านั้น โดยไม่เคยเฉลียวใจเลยว่า "เรื่องเล่า" นี้มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างจงใจ เพื่อ "ล้วงเงิน" จากกระเป๋าของพวกคุณอย่างชอบธรรมเท่านั้นเอง
(2) ในวิชาไสยศาสตร์ของเขมร มีวิชาแขนงหนึ่งที่ผู้มีคุณไสยสามารถบังคับจิตใจคนอื่นให้ยอม "ควักเงิน" ในกระเป๋าให้แม้เจ้าตัวจะไม่เต็มใจแต่ขัดขืนไม่ได้
วิชาไสยศาสตร์ของเขมรแบบนี้ กลายเป็นของเด็กเล่นไปเลย เมื่อเจอศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ของพวก "เจ้ามือ" ที่มีทุนมหึมาและมีเทคโนโลยีล้ำยุคในวงการคริปโต
อัลกอริทึมพวกนี้ สามารถควบคุมและหน่วงเวลา ก่อน Real Time ที่ประกาศจริงหลายวินาที ซึ่งนานพอที่จะเห็นราคาและวอลุ่มการซื้อขายทั้งหมดในรูปของ Big Data ได้ แทบไม่ต่างกับผู้คุม Back Office
เมื่อเป็นเช่นนี้ อัลกอริทึมนี้ย่อมสามารถดักราคาทั้ง Short และ Long ได้แบบกินรวบ แถมยังสามารถล่า stop loss ของทั้งสองฝั่ง ด้วยความเร็วสูงยิ่งยวดในการคำนวณประมวลผลข้อมูล
(3) "ความรู้" ที่หาได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เป็นคนละเรื่องกับ "ปัญญาญาณ" (wisdom) ที่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะทั้งปัญญาชีวิตและความเข้าใจความจริงของจิต-ตัวตน-โลกและจักรวาล ผ่านการภาวนา (meditation) อย่างยาวนาน ... ของแบบนี้มันทดแทนกันไม่ได้ ใช้เงินซื้อมาเพื่อแดกด่วนก็ไม่ได้
คนที่ไม่ถ่อมตน คนที่หลงตัวเอง คนที่ดูถูกสติปัญญาของผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ... ย่อมยากที่จะเข้าถึง ปํญญาญาณ (wisdom) แบบนี้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับ ญาณทัศนะ (intuition) โดยตรง ... อีโก้แบบโง่ๆของตัวเองนี่แหละที่เป็นตัวบล็อคการเข้าถึงญาณทัศนะที่ว่านี้
ถ้าไม่เข้าใจและยอมรับตรงนี้อย่างเปิดใจและจริงใจ คนรุ่นใหม่พวกนี้ย่อมไม่ต่างจาก "ชาวป่าบุชแมน" ที่เล่นมือถือเทรดคริปโตเท่านั้นเอง
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นี่คือตลกร้ายเรื่อง The Gods Must Be Crazy ภาคเหรียญคริปโตชัดๆ
สุวินัย ภรณวลัย
